วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ไมค์ ภิรมย์พร




ประวัติ


พร ภิรมย์ พินทะปะกัง หรือ ไมค์ ภิรมย์พร เกิดเมื่อ 8 กรกฎาคม 2513 ที่ จ.อุดรธานี เป็นบุตรนายสม - นางซ่อนกลิ่น พินทะปะกัง ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา รับจ้างทั่วไป และมีฐานะยากจนอย่างมาก ไมค์ ภิรมย์พร เคยต้องรับจ้างตัด
ฟืนขาย เพราะนาแล้ง ทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไมค์ ภิรมย์พร หาเงินมาใช้ซื้อข้าวกิน และเจียดส่วนหนึ่งไว้ใช้ในการศึกษาภาคค่ำจนจบการศึกษ าชั้น มัธยมศึกษาที่ 3 เขาชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก และใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้อง โดยเมื่อมีงานที่ไหน เขาจะขึ้นไปร้องเป็นประจำ
เมื่ออายุประมาณ 17 - 18 ปี ไมค์ ภิรมย์พร เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อมาหางานทำและได้ทำงานเป็นกร รมกรก่อสร้าง แถวบางบอน เขาทำอยู่ 3 - 4 เดือน ตอนเย็นหลังเลิกงาน ไมค์ ภิรมย์พร ชอบขึ้นไปบนดาดฟ้า เป่าขลุ่ยแซวสาวโรงงานทด และระบายความเหงา กับความติดถึงบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับบ้านนอกเมื่องานหมด และหันไปทำงานรับจ้าง ทำไร่ทำนาตามเดิม
พออายุ 23 เขาก็กลับมาเมืองหลวงอีก โดยคราวนี้มาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษ ัทแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท 71 แต่เขาไปพักอยู่กับเพื่อนที่ช่องนนทรี ช่วงที่รองานอยู่นั้น เขาต้องอดมื้อกินมื้อ กินเฉพาะยามที่หิวจริงๆ และอาหารหลักก็คือกล้วย หลังจากนั้นราว 2 อาทิตย์เขาก็ได้งาน ตอนแรกถูกส่งไปประจำที่โรงงานยาแถวลาดกระบัง ซึ่งที่พักกันดารมาก เขาอยู่ได้เดือนกว่า ก็ย้ายมาอยู่ที่นาซ่า ดิสโก้เธค แถวคลองตัน ซึ่งโด่งดังมากในขณะนั้น โดยทำหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อย และโบกรถอำนวยความสะดวก ในช่วงวันหยุดเขาก็จะรับจ๊อบเป็นเด็กรับรถแขกที่มาเท ี่ยวนาซ่าด้วย รวมเวลาสำหรับการเป็นยามของเขาก็ประมาณ 7-8 เดือน
ระหว่างที่เป็นยาม เขาได้รู้จักกับเจ้าของผับที่เปิดด้านล่างนาซ่า ก็เลยฝากเนื้อฝากตัวขอเป็นเด็กเสิร์ฟ เพื่อให้ได้เข้าใกล้ความฝันเรื่องการเป็นนักร้องของเ ขา เพราะที่นี่เขาได้เจอดารา นักร้องชื่อดัง ที่มาเที่ยวและมาเปิดผับแถวนั้นมากมาย
ระหว่างที่เป็นเด็กเสิร์ฟ เขาช่วยดูแลนักดนตรีวง THE JET ที่เล่นอยู่ที่ผับเป็นพิเศษ เลยได้รับความเอ็นดูจากนักดนตร
ีเป็นพิเศษ และวันหนึ่ง จอห์น นูโว กับ โจ นูโว ก็มาติดต่อวงดนตรีของนักดนตรีเหล่านี้ไปเล่นแบ็คอัพใ ห้กับใหม่ เจริญปุระที่ออกผลงานเพลงชุดแรกชื่อ " ใหม่ ไม้ม้วน " นักดนตรีเหล่านี้ก็เลยชวนเขาไปเป็นเด็กประจำวงด้วย โดยทำหน้าที่หลังเวทีทุกอย่าง ทั้งขนหรือติดตั้งเครื่องดนตรี ซึ่งไมค์ ภิรมย์พร ก็ยินดีที่ได้ร่วมงาน และไม่สนใจเรื่องค่าจ้าง เพราะอยากเข้าไปใกล้วงการบันเทิงอยู่แล้ว เวลาว่างเขาก็ชอบไปยืนดูใหม่ร้องเพลง และฝันอยากจะเป็นเช่นนั้นบ้าง
วันหนึ่งนักดนตรีแนะนำให้รู้จักกับนักจัดรายการคนหนึ ่งชื่อสุพจน์ สุขกลัด ที่เป็นทั้งดีเจ และโปรดิวเซอร์ให้กับสมหมายน้อย ดวงเจริญ หมอลำชื่อดังในสมัยนั้น เขาเลยได้ไปเทสต์เสียง และได้เป็นลูกศิษย์ของสุพจน์ คอยติดสอยห้อยตาม และรับใช้ ทั่วไปเช่นเช่นรดน้ำต้นไม้ และล้างจาน อาจารย์สุพจน์ บอกว่าจะให้เขาบันทึกเสียง แต่หลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ก็ออกจากบริษัทค่ายเทป และหันมาทำร้านอาหาร ไมค์ ภิรมย์พร ก็ตามอาจารย์มาด้วย โดยมาช่วยเสิร์ฟ ต่อมาก็พัฒนามาเป็นกุ๊ก ระหว่างนั้นเขาเคยไปช่วยสมหมายน้อยร้องประสานเสีนยง และร้งเพลงโฆษณาเตาแก๊สลัคกี้เฟลม กับทำเดโมเอาไว้ชุดหนึ่ง เป็นเพลงที่เขาแต่งเองเพลงหนึ่งกับที่อาจารย์สุพจน์แ ต่งอีกเพลง
แต่หลังสุพจน์ ที่ทำร้านอาหารต้องปิดกิจการ ไมค์ ภิรมย์พร ที่ต้องระเหเร่ร่อน ก็เลยติดต่อไปยังลูกพี่เก่าซึ่งก็คือนัก
ดนตรีที่เคยเ ล่นดนตรีให้ใหม่ เพื่อของานทำ เขาก็เลยได้ทำงานเป็นเด็กตักน้ำแข็ง และล้างแก้วอยู่ที่ผับในโรงแรมนารายณ์ และด้วยความขยันทำให้เขาเลยได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นบา ร์เทนเดอร์ และได้เป็นหัวหน้าบาร์ในที่สุด ซึ่งที่นี่เขามีโอกาสได้ร้องเพลงโชว์ความสามารถด้วย แต่ต่อมาผับก็ต้องปิดกิจการไป
หลังจากเห็นเพื่อนทำงานเป็นพนักงานห้องน้ำในผับแห่งห นึ่งได้ทิปดีวันละ 2 - 3 พัน เขาก็เลยขอทำบ้าง แต่ทำได้พักหนึ่งผับก็ปิดอีก ไมค์ ภิรมย์พร รู้สึกท้อ เลยอยากทำกิจการของตัวเอง เขาจึงนำเงินที่เก็บไว้มาซื้อรถเข็น
โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อขายลาบส้มตำ ต่อมาก็ขายลูกชิ้นปิ้งแถวซอยโชคชัย 4 ตรงข้ามโรงพยาบาลสยาม ที่นี่เขาเจอกับการไล่จับของเทศกิจเป็นประจำ
ต่อมาทราบข่าวว่าทางบริษัทอาร์เอสประกาศรับสมัครนักร ้องลูกทุ่ง เขาจึงนำเดโมเทปไปส่ง แต่หลายวันผ่านไป ปรากฏว่าทางบริษัทยังไม่ได้ฟังเดโมของเขา เขาจึงนำมันกลับมา เพื่อหวังนำไปเสนอที่ใหม่
อยู่มาวันหนึ่ง ไมค์ ภิรมย์พร อ่านข่าวบันเทิงในหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเห็นข่าวที่บอกว่าบริษัทแกรมมี่ประกาศลุยตลาดลูกท ุ่งเต็มตัว เขาจึงอยากลองสมัครเป็นนักร้อง ก็เลยได้ไปหานักดนตรีที่รู้จักกันให้ช่วยแนะนำให้ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้นำเดโมเทปไปให้อาจารย์ จรัล สารีวงษ์ โปรดิวเซอร์ของแกรมมี่ ราว 2 สัปดาห์ เขาก็ถูกเรียกตัวมาเทสต์เสียง ซึ่งเขาก็ทำได้ดี เพราะเทคเดียวผ่าน จากนั้นประมาณครึ่งเดือนต่อมา อ.จรัล ก็โทรบอกว่า เขาอาจจะมีสิทธิ และเมื่อเขามาที่บริษัทก็ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินลูกท ุ่งคนแรกของแกรมมี่
สำหรับชื่อ ไมค์ ภิรมย์พร นั้น ตอนแรกหลายคนเรียกเขาว่าสมหมาย เพราะเขาชอบร้องเพลงหมอลำของสมหมายน้อย ดวงเจริญ ต่อมาในสมัยที่ทำงานอยู่ที่โรงแรมนารายณ์ การที่เขาชอบเต้น เหมือนไมค์ ไทสัน นักมวยที่กำลังดังในยุนนั้นเต้นฟุตเวิร์ค เขาก็เลยถูกเปลี่ยนมาเรียกว่าไมค์ และในที่สุด ก็กลายเป็นไมค์ ภิรมย์พร โดยสมบูรณ์เมื่อมาอยู่กับแกรมมี่
ไมค์ ภิรมย์พร มีผลงานชุดแรกชื่อ " คันหลังก็ลาว " แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ พอถึงชุดที่ 2 มีเพลงที่เริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอย่าง ละครชีวิต และเพลงละครชีวิตนี้ ก็เกือบทำให้ไมค์ ภิรมย์พร ได้รับรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทานในฐานะนักร้องยอดเ ยี่ยม
แต่ใน 2 ชุดหลังจากนั้น บริษัทเปลี่ยนแนวให้เขามาร้องหมอลำ เพราะมองว่าเขาน่าจะเข้ากับเพลงแนวสนุกสนาน แต่ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในชุดต่อมา เขาจึงต้องเปลี่ยนแนวอีกครั้ง มารับบทนักร้องแนวคนสู้ชีวิต
ในเพลง ยาใจคนจน และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นความโด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศ จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะนักร้องขวัญใจผู้ใช้แรงงาน

ไม่มีความคิดเห็น: