วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

สนธิ สมมาตร




ประวัติ

ไพฑูรย์ ทุมวงศ์ หรือ สนธิ สมมาตร เกิดเมื่อปี 2495 ที่บ้านทุ่ง ต.แดงหม้อ ปัจจุบันขึ้นอยู่กับ ต.นาคำใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธาน โดยเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัว เมื่อปี 2512 ขณะกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนศรีทองวิทยา ที่ จ.อุบลราชธานี สนธิ ก็หยุดเรียนกลางคันและเดินทางเข้ากรุงเทพฯแบบไม่รู้จักใครเลย โดยมีความหวังลึกๆว่าจะมาเป็นนักร้อง

เมือง หลวง สนธิ เข้าทำงานในโรงงานทำเก้าอี้บุนวม ระหว่างที่โรงงานส่งไปซ่อมเก้าอี้ที่โรงภาพยนตร์เมโทร ย่านประตูน้ำ ก็ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้จัดการโรงภาพยนตร์ และเอ่ยปากขอร้องว่าหากมีวงดนตรีมาเปิดการแสดงที่นี่ ขอให้ช่วยฝากฝังเขาเป็นนักร้องด้วย ต่อมาสนธิ สมมาตร ลาออกจากโรงงานทำเก้าอี้มาเป็นบริกรย่านถนนเพชรบุรี และก็ได้เริ่มเข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัดแถวนั้น ในปี 2515 เขาชนะการประกวดร้องเพลงที่วัดอุทัยทารามจากเพลงในแนวเสียงของทูล ทองใจ และมีโอกาสเข้าเป็นนักร้องในวง “181 คอมโบ้” โดยได้รับค่าตัวครั้งละ 20 บาท แต่เดือนหนึ่งมีงานแค่ 1-2 ครั้ง แต่ในปีเดียวกันนั้น ผู้จัดการโรงภาพยนตร์เมโทรก็มาเรียกตัวเขาไปพบกับขวัญจิต ศรีประจันตที่ มาเปิดการแสดงที่โรงภาพยนตร์ และได้เป็นนักร้องประจำวงตามที่หวัง โดยใช้ชื่อว่า คม คีรีบูน ที่เขาเป็นคนตั้งเอง จากความชื่นชอบเป็นการส่วนตัวต่อชื่อ คม ขวัญแก้ว นักร้องคนหนึ่งในวงสุรพล สมบัติเจริญ ส่วนคีรีบูนนั้น เขาก็ว่าเป็นนกที่ได้ชื่อว่ามีเสียงไพเราะที่สุด

ปีถัดมา สนธิ มีโอกาสบันทึกเสียงเป็นครั้งแรกในเพลง “ ฟ้าร้องที่หนองหาร “ และ “รักเหลือเดน” ผลงานการประพันธ์ของ ทอง ธนาทิพย หรือ ทอง ธาราทิพ ซึ่งเพลงแรกนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงอย่างน่าพอใจ ปี 2517 ทอง ธนาทิพย์ ทำให้สนธิ สมมาตรโด่งดังมากขึ้นไปอีกจากเพลง “ ออกพรรษาที่เชียงคาน “ และจนถึงปัจจุบันเพลงนี้ก็มักถูกนำมาใช้ในงานบุญเทศกาลของ อ.เชียงคานอยู่เป็นประจำ

ปี 2518 สนธิ สมมาตร ลาออกจากวงขวัญจิต ศรีประจันต์ และไปเก็บตัวอยู่ที่เชียงใหมอย่าง เงียบๆร่วมครึ่งปีโดยให้เหตุผลว่า ไปตามที่ใจอยากไป แต่ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ได้ไปเรียกตัวเขากลับมา พร้อมกับทะยอยป้อนเพลงดังให้เขาอยู่เป็นระยะ ขณะที่ชื่อ คม คีรีบูน ถูกเปลี่ยนชื่อมาใช้สนธิ สมมาตร จวบจนถึงปัจจุบัน ตามคำแนะนำของครูเอง งานนี้ สนธิ สมมาตร กลับมาดังอีกครั้งด้วยเพลง “ ด่วน บขส.” ของครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา และ “ ลูกทุ่งคนยาก “ ของครูสุรินทร์ ภาคศิร เพลงเหล่านี้และเพลงอื่นๆทำให้สนธิ สมมาตร ผูกขาดเพลงหวานแนวอีสานไว้หมดสิ้นแบบไม่มีใครมาเทียบได้จวบจนถึงปัจจุบัน

เพลง ดังของเขาส่วนหนึ่งถูกนำไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ มนต์รัก “ ที่สร้างเมื่อปี 2521 โดยมีดาราดังอย่างสุริยา ชินพันธ์ เป็นพระเอก

สำหรับ สนธิ นั้น หลังความสำเร็จของภาพยนตร์ เขาก็หันมาตั้งวงดนตรีของเขาเอง และออกเดินสายแถวภาคอีสาน แต่ก็อยู่ได้แค่ปีกว่าๆก็ยุบวงไป สนธิ มีผลงานเพลงอยู่ค่อนข้างน้อย คือประมาณ 60 เพลงเท่านั้น ถ้าไม่นับการเอาเพลงเก่ามาขับร้องใหม่ นอกจากนั้นก็ยังเคยร่วมแสดงในภาพยนตร์เช่นเรื่อง “ สวรรค์บ้านนา “ และ “ดอกคูนเสียงแคน “

ออกพรรษา ที่เชียงคาน(ทอง ธนาทิพย์) , ด่วน บขส. (พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา) , ฟ้าร้องที่หนองหาร(ทอง ธนาทิพย์) , รักเหลือเดน(ทอง ธนาทิพย์) , ดอกจานบาน(พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา) , คืนลาอาลัย (ชลธี ธารทอง) , ลูกทุ่งคนยาก(สุรินทร์ ภาคศิริ) , แต่งงานกันเด้อ(สนิท มโนรัตน) , อีสานบ้านเฮา , ทิ้งใจไว้เมืองเลย , ดอกอ้อริมโขง , ทุ่งอีสาน , บ่ลืมอีสาน , ทุ่งกุลาร้องไห , แคร์ด้วยหรือน้อง , ลำครวญหวลไห้ , เป่าแคนกล่อมสาว , เป่าแคนเกี้ยวสาว , หนุ่มภูพาน ,หนุ่มนาช้ำรัก

ปัจจุบัน

เมื่อ 4 - 5 ปีก่อนสนธิ ป่วยเป็นเนื้องอกบริเวณกล่องเสียง ปัจจุบันรักษาหายเรียบร้อย แต่ก็ทำให้เขามีปัญหาเรื่องการร้องเพลงไม่ได้ดีเท่าเดิม ตอนนี้จึงเพลาการร้องเพลงไปมาก

นอกจากเรื่องเสียงแล้ว เขาก็ยังมีปัญหาเรื่องเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งก็เข้ารับการผ่าตัดบายพาสต์เรียยบร้อยแล้วเช่นกัน

สนธิ สมมาตร มีครอบครัวแล้ว โดยมีลูก 3 คน ซึ่งก็โตกันหมดแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: